ลังกานับถือพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทเช่นเดียวกับไทย คงรับรองการสังคายนาทั้งสามครั้งแรกในอินเดีย แต่ไม่รับรองสังคายนาครั้งที่ ๔ ซึ่งเป็นของนิกายสัพพัตถิกวาทผสมกับฝ่ายมหายาน
หนังสือสมันตปาสาทิกา ซึ่งแต่งอธิบายวินัยปิฎกกล่าวว่า เมื่อทำสังคายนาครั้งที่ ๓ เสร็จแล้ว พระมหินทเถระผู้เป็นโอรสของพระเจ้าอโศกมหาราช พร้อมด้วยพระเถระอื่น ๆ รวมกันครบ ๕ รูป ได้เดินทางไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในลังกา ได้พบกับพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ แสดงธรรมให้พระราชาเลื่อมใส และประดิษฐานพระพุทธศาสนาได้แล้ว ก็มีการประชุมสงฆ์ ให้พระอริฏฐะผู้เป็นศิษย์ของพระมหินทเถระ สวดพระวินัยเป็นการสังคายนาวินัยปิฎก ส่วนหนังสืออื่น ๆ เช่น สังคีติยวงศ์ กล่าวว่า มีการสังคายนาทั้งสามปิฎก สังคายนาครั้งนี้ทำที่ถูปาราม เมืองอนุราธปุระ มีพระมหินทเถระเป็นประธาน
สังคายนาครั้งที่ ๑ ในลังกา การสังคายนาครั้งนี้ ต่อจากการสังคายนาครั้งที่ ๓ ในอินเดียไม่กี่ปี คือสังคายนาครั้งที่ ๓ ทำใน พ.ศ. ๒๓๕ พอทำสังคายนาเสร็จแล้วไม่นาน พ.ศ. ๒๓๖ พระมหินทเถระก็เดินทางไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในลังกา และในปี พ.ศ. ๒๓๘ ก็ได้ทำสังคายนาในลังกา เหตุผลที่อ้างอิงในการทำสังคายนาครั้งนี้คือเพื่อให้พระศาสนาตั้งมั่น เพราะเหตุที่สังคายนาครั้งนี้ห่างจากครั้งแรกประมาณ ๓-๔ ปี บางมติจึงไม่ยอมรับว่าเป็นสังคายนา เช่น มติของฝ่ายพม่าดังจะกล่าวข้างหน้า อาจารย์สุชีพ ปุญญานุภาพ ได้แสดงทรรศนะว่า สังคายนาครั้งนี้ อาจเป็นการวางรากฐานให้ชาวลังกาท่องจำพระพุทธวจนะ จึงต้องประชุมชี้แจงหรือแสดงรูปแห่งพุทธวจนะตามแนวที่ได้จัดระเบียบไว้ในการสังคายนาครั้งที่ ๓ ในอินเดีย ดังนั้น สังคายนาครั้งนี้ จึงนับได้ว่าเป็นสังคายนาครั้งแรกในลังกา
สังคายนาครั้งที่ ๒ ในลังกา ทำเมื่อประมาณ พ.ศ. ๔๓๓ ในสมัยของพระเจ้าวัฏฏคามณีอภัย เรื่องที่ปรากฏเป็นเหตุทำสังคายนาครั้งนี้ คือเห็นกันว่า ถ้าจะใช้วิธีท่องจำพระพุทธวจนะต่อไป ก็อาจมีข้อวิปริตผิดพลาดได้ง่าย เพราะปัญญาในการท่องจำของกุลบุตรเสื่อมถอยลง จึงตกลงจารึกพระพุทธวจนะลงในใบลาน มีคำกล่าวว่า ได้จารึกอรรถกถาลงไว้ด้วย สังคายนาครั้งนี้ทำที่อาโลกเลณสถาน ณ มตเลชนบท ซึ่งไทยเรียกว่ามลัยชนบท ประเทศลังกา มีพระรักขิตมหาเถระเป็นประธาน ได้กล่าวแล้วว่า บางมติไม่รับรองการสังคายนาของพระมหินทเถระ ว่าเป็นครั้งที่ ๔ ต่อจากอินเดีย แต่สังคายนาครั้งที่ ๒ ในลังกานี้ ได้รับการรับรองเข้าลำดับโดยทั่วไป บางมติก็จัดเข้าเป็นลำดับที่ ๕ บางมติไม่รับรองสังคายนาของพระมหินทเถระ ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกในลังกา ก็จัดสังคายนาครั้งที่ ๒ ในลังกานี้ว่า เป็นครั้งที่ ๔ ต่อจากอินเดีย
สังคายนาครั้งที่ ๓ ในลังกา ทำเมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๘๒ (ค.ศ. ๑๘๖๕) ที่รัตนปุระ พระเถระชื่อหิกขทุเว สิริสุมังคละ เป็นหัวหน้า ทำอยู่ ๔ เดือนจึงแล้วเสร็จ การสังคายนาครั้งนี้ น่าจะไม่มีใครรู้มากนัก นอกจากเป็นบันทึกของชาวลังกาเอง การโฆษณาก็คงไม่มากมายเหมือนสังคายนาครั้งที่ ๖ ของพม่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น