วันพุธที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2560

การสังคายนาของฝ่ายมหายาน

                การที่กล่าวถึงสังคายนาของฝ่ายมหายาน  ซึ่งเป็นคนละสายกับฝ่ายเถรวาทไว้ในที่นี้ด้วย  ก็เพื่อเป็นแนวทางการศึกษาและประดับความรู้  เพราะพระไตรปิฎกของฝ่ายเถรวาท  โดยเฉพาะสุตตันตปิฎก  ได้มีคำแปลในภาษาจีนซึ่งแสดงว่า ฝ่ายมหายานได้มีเอกสารของฝ่ายเถรวาทอยู่ด้วย จึงควรจะได้ตรวจสอบดูว่า  ความเป็นมาแห่งพระไตรปิฎกนั้น  ทางฝ่ายมหายานได้กล่าวถึงไว้อย่างไร
                เมื่อกล่าวตามหนังสือพุทธประวัติ  และประวัติสังฆมณฑลสมัยแรกกตามฉบับของทิเบต  ซึ่งชาวต่างประเทศได้แปลไว้เป็นภาษาอังกฤษ๑  ได้กล่าวถึงการสังคายนา  ๒  ครั้ง  คือครั้งที่  ๑  และครั้งที่  ๒  ในอินเดีย  ดังที่รู้กันอยู่ทั่วไป  แต่จะขอกล่าวในที่นี้เฉพาะข้อที่น่าสังเกตดังนี้
                สังคายนาครั้งที่  ๑  หลักฐานฝ่ายเถรวาทว่าสังคายนาพระธรรมกับพระวินัย  พระอานนท์เป็นผู้ตอบคำถามเกี่ยวกับพระธรรม จึงหมายถึงว่า พระอานนท์ได้วิสัชนาทั้งสุตตันตปิฎกและอภิธัมมปิฎก  แต่ในฉบับของทิเบตกล่าวว่า  พระมหากัสสปะเป็นผู้วิสัชนาอภิธัมมปิฎก  ส่วนพระอานนท์วิสัชนาสุตตันตปิฎก  และพระอุบาลีวิสัชนาวินัยปิฎก  และยังได้กล่าวพิสดารออกไปอีกว่า  สังคายนาสุตตันตปิฎกก่อน  พอพระอานนท์เล่าเรื่องปฐมเทศนาจบ  พระอัญญาโกณฑัญญะได้ยืนยันว่าถูกต้องแล้ว  เป็นพระสูตรที่ท่านได้สดับมาเอง  แม้เมื่อกล่าวสูตรที่  ๒  (อนัตตลักขณสูตร) จบ  พระอัญญาโกณฑัญญะก็ให้คำรับรองเช่นกัน  ในหนังสือที่อ้างถึงนี้ใช้คำว่า  มาติกา (มาตฺริกา)  แทนคำว่า  อภิธัมมปิฎก
                สังคายนาครั้งที่  ๒  ฉบับมหายานของทิเบต  ได้กล่าวคล้ายคลึงกับหลักฐานของฝ่ายเถรวาทมาก  ทั้งได้ลงท้ายว่า  ที่ประชุมได้ลงมติตำหนิข้อถือผิด  ๑๐  ประการของภิกษุชาววัชชี  ซึ่งแสดงว่าหลักฐานของฝ่ายมหายานกลับรับรองเรื่องนี้  ผู้แปลคือ  Rockhill  อ้างว่า  ได้ตรวจสอบฉบับของจีนซึ่งมีผู้แปลเป็นภาษาอังกฤษแล้ว  ก็ไม่ปรากฏว่ากล่าวถึงอะไร  นอกจากจบลงด้วยการตำหนิข้อถือผิด  ๑๐  ประการเท่านั้น
                ดร. นลินักษะ  แห่งมหาวิทยาลัยกัลกัตตา  ประเทศอินเดีย  ได้พยายามรวบรวมหลักฐานฝ่ายมหายานเกี่ยวกับสังคายนาครั้งที่  ๒  ไว้อย่างละเอียดเป็น  ๓  รุ่น  คือ  รุ่นแรก  รุ่นกลางและรุ่นหลัง  แม้รายละเอียดปลีกย่อยในหลักฐานนั้น ๆ จะไม่ต่างกันออกไปก็ตาม  แต่ก็เป็นอันตกลงว่า  ฝ่ายมหายานได้รับรองการสังคายนาครั้งที่  ๑  และครั้งที่  ๒  ร่วมกัน
                โดยเหตุที่คัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน  มักจะมีลักษณะหลายอย่างที่แตกต่างจากฝ่ายเถรวาท  เมื่อเกิดปัญหาว่า  คัมภีร์เหล่านั้นมีมาอย่างไร  ก็มักจะมีคำตอบว่า  มีการสังคายนาของฝ่ายมหายาน  คัมภีร์เหล่านั้นเกิดขึ้นจากผู้ที่สังคายนา  ซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิได้รู้ได้ฟังมาคนลายกับฝ่ายเถรวาท
                เมื่อตรวจสอบจากหนังสือของฝ่ายมหายาน  แม้จะพบว่าสังคายนาผสมกับฝ่ายมหายานนั้น  เกิดในสมัยพระเจ้ากนิษกะ ประมาณ พ.ศ. ๖๔๓ ก็จริง  แต่ข้ออ้างต่าง ๆ มักจะพาดพิงไปถึงสังคายนาครั้งที่  ๑  และที่  ๒  คือมีคณะสงฆ์อีกฝ่ายหนึ่ง  ทำสังคายนาแข่งขันอีกส่วนหนึ่ง  คือ
๑.       สังคายนาครั้งแรกที่พระมหากัสสปเถระเป็นประธานนั้น ทำที่ถ้ำสัตตบรรณคูหาข้างเขา
เวภาระ  กรุงราชคฤห์  มีคำกล่าวของฝ่ายมหายานว่า  ภิกษุทั้งหลายผู้มิได้รับเลือกเป็นการกสงฆ์  ได้ประชุมกันทำสังคายนาขึ้นอีกส่วนหนึ่ง  เรียกว่าสังคายนานอกถ้ำ  และโดยเหตุที่ภิกษุผู้ทำสังคายนานอกถ้ำมีจำนวนมาก  จึงเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า  สังคายนามหาสังฆิกะ  คือของสงฆ์หมู่ใหญ่  เรื่องนี้ปรากฏในประวัติของหลวงจีนเฮี่ยนจัง  ผู้เดินทางไปดูการพระพุทธศาสนาในอินเดีย  ที่นายเคงเหลียน  สีบุญเรือง  แปลเป็นภาษาไทย  หน้า ๑๖๙  และกล่าวด้วยว่าในการสังคายนาครั้งนี้แบ่งออกเป็น ๕ ปิฎก คือ พระสูตรพระวินัย  พระอภิธรรมปกิณณกะ  และธารณี 
                แต่หลักฐานของการสังคายนานอกถ้ำครั้งที่ ๑ นี้  น่าจะเป็นการกล่าวสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขนานกับการสังคายนาครั้งที่  ๒  หรืออีกนัยหนึ่งเอาเหตุการณ์ในสังคายนาครั้งที่  ๑  ไปเป็นครั้งที่  ๑  คือ 
๒. การสังคายนาของมหาสังฆิกะ มีเรื่องเล่าว่าเมื่อภิกษุวัชชีบุตรถือวินัยย่อหย่อน  ๑๐  ประการ

และพระยสะ  กากัณฑกบุตร  ได้ชักชวนคณะสงฆ์ในภาคต่าง ๆ  มาร่วมกันทำสังคายนา  ชำระมลทินโทษแห่งพระศาสนาวินิจฉัยชี้ว่า  ข้อถือผิด  ๑๐  ประการนั้น  มีห้ามไว้ในพระวินัยอย่างไร  แล้วได้ทำสังคายนาในขณะเดียวกัน  พวกภิกษุวัชชีบุตรซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมาก  ก็ได้เรียกประชุมสงฆ์ถึง  ๑๐,๐๐๐ รูป ทำสังคายนาของตนเองที่เมืองกุสุมปุระ(ปาตลีบุตร)ให้ชื่อว่ามหาสังคีติ  คือมหาสังคายนาเป็นเหตุให้เกิดนิกายมหาสังฆิกะ ซึ่งแม้จะยังไม่นับว่าเป็นมหายานโดยตรง  แต่ ก็นับได้ว่าเป็นเบื้องต้นแห่งการแตกแยกจากฝ่ายเถรวาทมาเป็นมหายาน ครั้นต่อมาการสังคายนาครั้งนี้ได้แก้ไขเปลี่ยนแปลงของเดิมไปไม่น้อย  หลักฐานของฝ่ายมหายานบางเล่ม  ได้กล่าวถึงกำเนิดของนิกายมหาสังฆิกะ  โดยไม่กล่าวถึงวัตถุ  ๑๐  ประการก็มี  แต่กล่าวว่าข้อเสนอ  ๕  ประการของพระมหาเทวะเกี่ยวกับพระอรหันต์ว่า  ยังมิได้ดับกิเลสโดยสมบูรณ์  เป็นต้น  เป็นเหตุให้เกิดการสังคายนาครั้งที่  ๒  แล้วพวกมหาสังฆิกะก็แยกออกมาทำสังคายนาของตน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น